1.ทำความรู้จักกับช่องทางโซเชี่ยลก่อนจะเริ่มต้นทำ Social Commerce

ช่องทางโซเชี่ยลที่สำคัญที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมีอยู่ด้วยกันหลายช่องทางและ แต่ละช่องทางสำคัญ ๆมีดังนี้

– Facebook เป็นช่องทางที่เรียกได้ว่าเป็นโซเชี่ยลที่มีบัญชีผู้ใช้งานเป็นอันดับต้น ๆในเมืองไทย ด้วยความนิยมที่ล้นหลามนี้เองจึงทำให้ Facebookเป็นโซเชี่ยลสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มักใช้เป็นช่องทางหลักในการค้า Social Commerce

– Line หรือ Line Official Account โดยแพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มโซเชี่ยลที่กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและการมีส่วนร่วมในการพูดคุยกันและพัฒนาต่อจนกลายเป็นสังคมแห่งการซื้อและการขายสินค้าไปในที่สุด

– Instagram เดิมเป็นช่องทางโซเชี่ยลที่ใช้เพื่อการแบ่งปันภาพถ่าย ภายหลังการเข้าซื้อกิจการของ Facebook ก็ได้ถูกพัฒนาให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำ Social Commerce กันอย่างกว้างขวาง จึงกลายเป็นช่องทางที่บรรดาแบรนด์แฟชั่นใช้ในการขายสินค้า

– Youtube จากช่องทางโซเชี่ยลที่มีจุดกำเนิดเพื่อแชร์วิดีโอพัฒนามาเป็นแหล่งรวม Youtuber หรือนักทำคลิปในแชนแนลต่างๆที่นำเสนอความรู้และความบันเทิง และจุดเด่นในเรื่องนี้เองที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายใช้ช่องทาง Youtube ให้กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางจำหน่ายสินค้าโดยใช้คลิปวิดีโอเป็นสื่อกลางให้เกิดการซื้อขายสินค้าในที่สุด

2. ใช้หลัก 3 C เพิ่มโอกาสในการซื้อขายใน Social Commerce

– Chat เป็นช่องทางแรกที่ลูกค้ามักจะติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า โดยมากมักเกิดหลังจากที่ลูกค้าเห็นสินค้าและให้ความสนใจต่อสินค้าชิ้นนั้น ๆแต่ช่องทางนี้อาจต้องใช้เวลา ปัจจุบันมีระบบที่เรียกว่า Chat bot มาช่วยอำนวยความสะดวกในการตอบแชทมากยิ่งขึ้นแม้จะยังมีจุดอ่อนในเรื่องของยังไม่มีความเป็นมนุษย์มากนักก็ตาม

– Comment เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกค้าจะเข้ามาสอบถามและพูดคุยเกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการ ในช่องทางนี้ยังคงจำเป็นต้องวางระบบในการตอบคอมเม้นต์อัตโนมัติ เพราะความไม่เป็นส่วนตัวที่ไม่ว่าใครก็มีโอกาสมองเห็นบทสนทนาระวังคุณและลูกค้า

– Call การที่ลูกค้าติดต่อสอบถามเข้ามาโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นวิธีการที่รวดเร็วที่สุดและคุณสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้มากที่สุด เพราะเป็นช่องทางที่ Real ที่สุด

3.หากจะขายของออนไลน์อย่าสนใจแต่เพียงช่องทางที่ตนเองจะขาย

ช่องทางในการขายอาจเป็นสิ่งสำคัญแต่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงหากจะขายของออนไลน์มีดังนี้

– บริการ การบริการที่ดีคือบริการเสริม ทั้งก่อน-ระหว่าง- หลักให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าในช่องทางต่างๆเมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลสินค้า รวมไปถึงบริการหลังการขายที่จำเป็นต้องพูดคุยให้คำแนะนำหากสินค้าเกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง ซึ่งบริการเหล่านี้ คุณจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและได้ใจจากลูกค้าจนอาจจะนำไปสู่การแนะนำบอกต่อได้ในที่สุด

– Content ในการขายของออนไลน์ Content คือสิ่งที่คุณสามารถส่งต่อสิ่งที่คุณต้องการสื่อไปยังลูกค้า คอนเทนต์ที่ดีจะต้องตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการรับรู้ ไม่ว่าจะเป็น บทความ รูปภาพ วิดีโอ คอนเทนต์ที่มีคุณภาพจะสามารถทำให้ยอดขายออนไลน์ผ่าน Social Commerce เติบโตได้

– Ads คอนเทนต์ที่ดีแต่ไม่มีใครเห็นหรือผู้ที่สนใจ คอนเทนต์นั้นก็ไม่อาจแสดงพลังของมันได้ดังนั้นคุณควรจะรู้หลักของการยิงโฆษณาในสื่อโซเชี่ยลช่องทางต่าง ๆเพราะในปัจจุบันโซเชี่ยลได้ลดการมองเห็นโพสต์ต่าง ๆลงไปมาก หากคุณวางแผนการในการยิงโฆษณาลงในแต่ละแพลตฟอร์มให้ดี คุณสามารถสร้างยอดขายและการเติบโตให้แก่แบรนด์สินค้าของคุณได้      

– สินค้า เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรก จุดเด่นของสินค้าว่ามีดีอย่างไรมีความแตกต่างไปจากท้องตลาดอย่างไร และที่สำคัญคือภาพลักษณ์ที่จะดึงดูดใจให้ลูกค้าสนใจสินค้า หากสังเกตจะเห็นว่าสินค้าที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ขายนั้น จะเป็นสินค้าที่เหมือนๆกัน คุณภาพเหมือนกัน
รับสินค้ามาจากแหล่งเดียวกัน

บางรายขายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และดีไซน์ที่แตกต่างจากของร้านค้าอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นสินค้านำเข้าจากจีนเนื่องจากมีหลากหลาย ราคาไม่แพง และเป็นสินค้าแฟชั่น มีทั้งแบบขายส่งและขายปลีก โดยเฉพาะหากสั่งซื้อจากเว็บ 1688 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายส่งขนาดใหญ่ ซึ่งเหมาะกับการสั่งซื้อในปริมาณมากๆ และเหมาะกับการนำมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ภาษาไทยอย่าง True Taobao ผู้ช่วยในการบริการสั่งซื้อสินค้าจีนสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ