ชิปปิ้ง ธุรกิจขนส่งที่ต้องใช้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ในการจัดส่งสินค้านั้น จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎของกรมขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับผู้สัญจรรายอื่นๆ
ปัจจุบันกรมขนส่งทางบก ออกกฎเข้มงวดสำหรับบริษัทขนส่งและชิปปิ้ง ที่ให้บริการรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทุกคันที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ต้องประกอบด้วย 4 สิ่งต่อไปนี้ตามกฎหมาย
1. อุปกรณ์ยึดตู้บรรทุกสินค้า (Twist-Lock)
บริษัทชิปปิ้ง ที่เป็นเจ้าของรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ต้องติดตั้งอุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้า (Twist-Lock) ให้มั่นคงแข็งแรงกับตัวรถและสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้โดยไม่เกิดความเสียหาย โดยกรมขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องติดตั้งไม่น้อยกว่า 4 จุด ต่อ 1 ตู้บรรทุกสินค้า และต้องอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้กระจายน้ำหนักบรรทุกมีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้า (Twist-Lock) นั้น ต้องอยู่ในตำแหน่งการล็อกเสมอเมื่อรถแล่นบนถนน โดยต้องปรากฏสัญลักษณ์สีเหลืองหรือสีขาวตามแนวยาวของตัวรถ หากอุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้า (Twist-Lock) อยู่ในตำแหน่งไม่ล็อก จะปรากฏสัญลักษณ์สีแดงตามแนวยาวของตัวรถ นอกจากนี้ต้องติดแผ่นสะท้อนแสงสีเหลือง/ขาว และสีแดงที่ตัวอุปกรณ์ เพื่อเป็นจุดสังเกตให้ผู้ใช้ถนนร่วมทางมองเห็นได้อย่างชัดเจน
2. แผ่นสะท้อนแสง
แผ่นสะท้อนแสงสำหรับติดท้ายรถบรรทุก ต้องมีความกว้างอย่างน้อย 5-6 ซม. ติดตั้งสูงจากพื้นอย่างน้อย 25-150 ซม. โดยต้องติดตั้งเป็นแนวยาวรอบขอบทุกด้าน โดยใช้แผ่นสะท้อนแสงสีแดงหรือสีเหลือง ส่วนด้านข้างติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงสีขาวหรือสีเหลืองเป็นแนวยาวเฉพาะขอบด้านล่าง และติดตั้งเพิ่มเติมเฉพาะที่มุมด้านบนเพื่อแสดงระยะความสูงของรถ หรืออาจติดตั้งเป็นแนวยาวรอบขอบทุกด้านได้เช่นเดียวกัน
3. ต้องติดตั้งระบบ GPS Tracker
กรมขนส่งได้กำหนดให้รถบรรทุกทุกคันต้องติดตั้งระบบ GPS เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน คนขับ และผู้ร่วมทาง โดยจะต่อภาษีให้เฉพาะรถบรรทุกที่มีการติดตั้งระบบ GPS แล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกประจำทางและรถส่วนบุคคล เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับศูนย์บริหารจัดการการเดินรถด้วยระบบ GPS ซึ่งเป็นระบบติดตามส่วนกลาง สำหรับรถบรรทุกที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ หากไม่ได้ติดตั้ง GPS จะถูกปรับเป็นเงิน 10,000-50,000 บาท ส่วนในกรณีที่
นอกจากนี้ การติดตั้งระบบ GPS ยังเป็นการกำหนดไม่ให้ผู้ขับขี่ขับด้วยความเร็วเกินกำหนด รวมถึงระยะเวลาพักรถ ทำให้ผู้ประกอบการทราบถึงพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับในบริษัท และทางกรมขนส่งยังได้ติดตามรถบรรทุกได้โดยตรงทันทีอีก ซึ่งมีข้อดีตรงที่ สามารถติดตามหากรถและสินค้าที่บรรทุกหาย ทาง GPS จะทำการตัดสัญญาณไปที่เครื่องยนต์ให้รถดับ ขับต่อไปไม่ได้ ช่วยป้องกันในกรณีรถและสินค้าถูกโจรกรรม
4. กำหนดความเร็วสำหรับรถบรรทุก
พ.ร.บ.จราจร ทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดไว้ว่า รถบรรทุกที่มีน้ำหนกรถ รวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กก.ขึ้นไป สามารถขับด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. สำหรับการขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หากนอกเหนือจากเขตดังกล่าว ให้ขับได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.